1.สถานการณ์ใช้จอในเด็กในปัจจุบันและผลเสีย
ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเด็กๆใช้จอมากขึ้น และเริ่มใช้จอตั้งแต่อายุยังน้อย มีการศึกษาในเด็กอายุ 8-12 ขวบ ในอเมริกามีการใช้จอเฉลี่ย 4-6 ชม.ต่อวัน ยิ่งอายุมากขึ้นก็มีแนวโน้มชั่วโมงในการใช้งานมากขึ้น ซึ่งเนื้อหาในการใช้จอก็มีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นความบันเทิง การเรียนรู้ รวมถึงพฤติกรรมที่เด็กๆอาจเรียนรู้ได้ ในอีกทางเด็กซึ่งอยู่ในวัยเรียนรู้ อาจเข้าถึงเนื้อหาพฤติกรรมความรุนแรง ความไม่เหมาะสมทางการกระทำคำพูด การบูลลี่ รวมถึงอาชญากรรมต่างๆได้ จาก American academy of child psychiatry การใช้จอมากๆอาจส่งผลให้เด็กมีปัญหาในการนอนหลับ การเรียน มีเวลาปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวคนรอบข้างน้อยลง มีปัญหาทางสุขภาพและอารมณ์ และอาจเกิดโรคหรือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป โดยพบว่าเด็กที่มีการใช้จอเกิน 2 ชั่วโมงต่อวันมีโอกาสเกิดโรคสมาธิสั้นได้มากขึ้นถึง 8 เท่า
2.ผลเสียที่เกิดขึ้นในตาจากการใช้จอนานๆในเด็ก
ผู้ปกครองชอบดุเด็กว่า “เล่นจอนานๆเดี๋ยวก็ตาบอด” ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสามารถเกิดขึ้นได้จริงนะคะ การใช้จอมากๆในที่ใกล้ส่งผลให้เด็กมีสายตาสั้นที่เพิ่มขึ้น สถานการณ์ปัจจุบันจะมีจำนวนเด็กๆที่เริ่มสายตาสั้นตั้งแต่อายุน้อย และมีแนวโน้มสายตาสั้นจะมากขึ้นเรื่อยๆ โดยกลไกเกิดจากการยืดของลูกตา ยิ่งลูกตายืดองค์ประกอบต่างๆในลูกตาก็ยิ่งบางลง ส่งผลให้เกิดโรคอันตรายต่างๆในตาได้ เช่น ต้อหิน จอประสาทตาฉีกขาด ซึ่งโรคเหล่านี้ทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นได้จริง และการผ่าตัดแก้ไขสายตา เช่น เลสิค ก็ไม่ได้ลดความเสี่ยงตรงจุดนี้ อีกโรคที่มีอัตราสูงขึ้นมากในปัจจุบันคือ ตาเขเข้าในจากการมองใกล้เป็นเวลานานๆทำให้เด็กเห็นภาพซ้อน ในบางรายถึงกับต้องผ่าตัดกล้ามเนื้อตาอีกทั้งการใช้สายตาจ้องจอ นานๆจะทำให้เกิดตาแห้ง กะพริบตาบ่อยผิดปกติ เปลือดตาเกร็งกระตุก และปวดล้าตาได้
3. การใช้จอแบบไหนที่เสี่ยงจะอันตราย
การใช้จอที่ทำให้ต้องเพ่งยิ่งจะมีความเสี่ยงคือ “ในที่ใกล้ ใช้จอนาน ในที่มืดแสงไม่พอ หรือในที่ๆเคลื่อนไหว เช่นในรถ” มีการศึกษาพบว่าการมองใกล้เพิ่มโอกาสเกิดสายตาสั้นได้ถึง 14% และการมองจอใกล้เป็นเวลานานๆ ก็เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สายตาสั้นขึ้นมากเช่นกัน ในปัจจุบันมีโฆษณามากมายเกี่ยวกับการกรองแสงสีฟ้าไม่ว่าจะเป็นแว่นหรือแผ่นแปะหน้าจอ ว่าสามารถช่วยเรื่องปกป้องสายตาเด็กได้ จากข้อมูลปัจจุบันพบว่ายังไม่มีข้อสรุปในเรื่องการช่วยชะลอสายตา แต่แสง UV สามารถช่วยชะลอสายตาสั้นได้ โดยแนะนำการมีกิจกรรมนอกบ้านช่วงเย็นเป็นเวลา 2 ชั่วโมงต่อวันสามารถมีประสิทธิภาพในการช่วยชะลอสายตาสั้นได้
4. คำแนะนำการใช้จอในเด็กแต่ละช่วงอายุ
- อายุน้อยกว่า 1 ขวบ WHO แนะนำไม่ควรใช้จอ
- อายุน้อยกว่า 2 ขวบ American Academy of Pediatrics แนะนำเลี่ยงการใช้จอ ยกเว้นการ Vdo chatting ได้บ้าง
- อายุ 2-5 ขวบ ควรจำกัดการใช้จอน้อยกว่า 1 ชั่วโมงต่อวันในวันธรรมดา และน้อยกว่า 3 ชั่วโมงต่อวันในวันหยุด โดยที่ควรมีการพักสายตา
5.ใช้จออย่างไรให้ปลอดภัย
มีคำแนะนำขั้นตอนดังนี้
- พัก โดยมีคำแนะนำกฎ 20-20-20 คือเมื่อใช้สายตา 20นาที ให้มองไกล 20 ฟุตเป็นเวลา 20 วินาที ในความป็นจริงเด็กเล็กอาจจะทำได้ยาก โดยอาจแนะนำใช้สายตา 30-45 นาที แล้วให้เปลี่ยนอริยาบท เช่น ลุกไปเข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำ โดยการพักควรร่วมกับการกะพริบตาเพื่อช่วยการเพิ่มความชุ่มชื้นในดวงตา และควรคลายคอบ่าไหล่ด้วย เพื่อทำให้ตา Reset, Refocus, Relax
- ความชุ่มชื้น โดยการกะพริบตา หยอดน้ำตาเทียม หรือหากสิ่งแวดล้อมมีความแห้งมาก สามารถใช้เครื่องทำความชื้นมาตั้งบริเวณนั้นได้
- ปรับระยะ คอมพิวเตอร์ควรตั้งห่างประมาณช่วงแขน ปรับหน้าจอให้เป็นทิศทางการมองลงเล็กน้อย มีคำแนะนำระยะ 1-2-10 Rules คือระยะมือถือ 1 ฟุต คอมพิวเตอ์ 2 ฟุต และโทรทัศน์ 10 ฟุต
- หน้าจอ ควรปรับความสว่างและ Comtrast จอให้พอดี หากสว่างไปอาจทำให้แสบตา ตามัว ปวดตา ปวดศีรษะได้ แต่ถ้าหากมืดไปก็จะทำให้ต้องเพ่งและปวดล้าตาได้ และแนะนำให้ขนาดตัวอักษรก็ไม่ควรเล็กจนเกินไป
- ท่าทาง ควรจะมีท่าทางที่เหมาะสม เพราะท่าทางที่ไม่สบาย เช่น จออยู่ใกล้หรือไกลมากไป จออยู่เอียงหรือต้องเหลือบขึ้นลงมาก รวมทั้งการนอน เอียงคอดู จะทำให้การเกิดหดเกร็งกล้ามเนื้อและปวดตาได้
6. ความเข้าใจผิดการใช้จอหรือสายตาในเด็ก
- ในปัจจุบันสำหรับเด็กไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันว่าการ ใช้แว่นกรองแสงสีฟ้า อาหารเสริม จะช่วยการปกป้องดวงตาหรือช่วยชะลอสายตาสั้นได้
- การนอนดูทีวีหรือการเอียงคอดูไม่ได้ทำให้เกิดสายตาเอียง แต่สายตาเอียงเกิดจากโครงสร้างตาที่ทำให้แสงที่หักเหเข้าสู่ตาตกที่จอประสาทตา ในแต่ละแนวไม่ตรงกัน อาการจะเห็นภาพไม่คม ไม่ใช่เส้นตรงเอียง หรือเขียนหนังสือเอียง
- การผ่าตัดแก้ไขสายตา เช่น เลสิค ไม่ได้ลดความเสี่ยงที่เกิดจากสายตาสั้นมากๆ เช่น ต้อหิน หรือปัญหาจอประสาทตาต่างๆ
ข้อสรุป
ในเด็กเล็กมากๆ ไม่ควรให้เด็กใช้จอเมื่อต้องใช้ควรน้อยที่สุด และการใช้จออย่างเหมาะสม เช่น พักสายตา 20-20-20 Rules ปรับจอแสง ขนาดไฟ สิ่งแวดล้อม และท่าทางที่เหมาะสม



